# 423 เลิกติดเฟซบุ๊คเพื่อสิ่งที่ดีกว่า
มีโอกาสอ่านบทความที่เล่าถึงประโยชน์จากการเลิกเฟซบุ๊คในนิตยสารฉบับหนึ่ง ว่าถ้าเลิกหรือลดเฟซบุ๊คแล้ว จะทำให้สุขภาพดีขึ้น การเรียนหรือการงานดีขึ้น เพื่อนรอบตัวก็จะรักเรามากขึ้น ครอบครัวไม่ร้าวฉาน และเครียดน้อยลง ซึ่งทั้งหมดไม่ใช่ไสยศาสตร์แต่อธิบายได้ด้วยกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ชี้แจงกันด้วยเหตุและผล ถ้าเรานั่งอยู่หน้าจอทั้งวันคอยแต่จะกดไลค์ รอไลค์ และคอมเม้นท์จากเพื่อน ย่อมทำให้เวลาออกกำลังกาย เล่นกีฬา หรือถีบจักรยานลดลง รวมถึงเวลาอ่านหนังสือเรียน และทำงานก็จะหดหายได้ มีพนักงานบริษัทไม่น้อย ไม่รับหัวหน้าเป็นเพื่อน ไม่รับลูกค้า และเพื่อนร่วมงาน บางครั้งบอกคนว่าไม่ใช้เฟซบุ๊คก็มี หรือให้บัญชีที่ไม่เคยใช้ก็เป็นได้ เพราะเกรงว่าหัวหน้าจะรู้ว่า ที่บอกว่าไม่ว่างนั้น มัวแต่ไปเม้นท์เรื่องสัพเพเหระในแต่ละวัน ถ้าทำอย่างนั้นก็ขอเตือนให้กำหนดสิทธ์การเข้าถึงเป็นส่วนตัวแทนสาธารณะ เพราะหัวหน้าอาจเข้าไปดูโฟสต์ของเรา
เพื่อนในเฟซบุ๊คมักมีทั้งเก่า และใหม่ ส่วนเพื่อนที่นั่งในห้องทำงาน อาคาร หรือองค์กรเดียวกัน เรากลับอยากพูดคุยทักทายลดลง แต่ใส่ใจกับเพื่อนแปลกหน้าออนไลน์เพิ่มขึ้น ทั้งที่เพื่อนในองค์กร และคนในครอบครัวต่างรอที่พูดคุยหยอกล้ออย่างมีไมตรี นอกจากนี้เฟซบุ๊คยังเป็นเหตุเพิ่มความเครียดได้ เพราะถ้าเราติดอยู่กับเครือข่ายสังคม แล้วติดตามเพื่อนที่นำเสนอแต่สิ่งที่อยากแบ่งปัน อาทิ ภาพการท่องเที่ยว ภาพเพื่อนหล่อสวย ภาพอาหาร เสื้อผ้า หรือของใช้ใหม่ตลอดเวลา แต่เรากลับไม่มีสิ่งเหล่านั้น ย่อมปฏิเสธไม่ได้ว่าจะมีความรู้สึกหนึ่งเกิดขึ้น คือ ความอยากมีอยากได้แบบเพื่อน แต่ไม่อาจมีได้ก็จะเกิดความเครียด และเป็นทุกข์อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ในโลกแห่งความเป็นจริงมีอะไรให้เรียนรู้ และทำมากมายกับคนรอบตัวเรา ถ้าไม่มีเพื่อนก็หาใหม่ได้ มีผู้คนมากมายที่พบปะได้ตามท้องถนน อยู่ระแวกบ้าน หรือที่ทำงาน เพียงเปิดใจมองหา เปิดปากทักทายก็จะมีเพื่อนใหม่ได้ในไม่กี่นาที เพื่อนเก่าทำให้ทุกข์ก็เปลี่ยนเพื่อนได้เสมอ แม้เฟซบุ๊คจะช่วยให้มีเพื่อนใหม่ได้ง่าย แต่ต้องตระหนักถึงเป้าหมายของการมีเพื่อน และปัญหาของการมีเพื่อนที่อาจตามมา ทุกอย่างมีสองคมเสมอขึ้นอยู่กับว่าจะใช้คมใดด้วยเหตุใด แต่คงไม่ดีแน่ถ้าจะปล่อยให้พฤติกรรมเป็นไปตามความรู้สึกเพียงอย่างเดียว
|